บริการ
ฉีดโบท็อก
การ ฉีดโบท็อก (Botox) ช่วยลดริ้วรอยทำให้หน้าตาดูอ่อนวัย
การฉีดโบท็อก (Botox) ถูกนำมาใช้ในวงการเสริมความงาม เมื่อฉีดไปแล้ว ทำให้กล้ามเนื้อทำงานลดลง และช่วยลดเรื่องริ้วรอย ได้มีผลทำให้มัดกล้ามเนื้อทำงานได้ลดลงชั่วคราว การฉีดโบท็อกเป็นวิธีเสริมความงาม ที่มาแรงและได้รับความนิยม เพราะช่วยทำให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ลง

การฉีดโบท็อกคืออะไร?
โบท็อกถือเป็นนวัตกรรมความงามที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในกลุ่มที่ต้องการให้ยกกระชับใบหน้าให้เต่งตึง และลดริ้วรอย โดยโบท็อกนั้นเป็นสารสกัดในรูปแบบที่บริสุทธิ์ของสารโบทูลินัมท็อกซินเอ (Botulinum toxin type A) จากแบคทีเรียสายพันธุ์คลอสตริเดียมโบทูลินัม (Clostridium Botulinum) ซึ่งมีการนำใช้ในปริมาณเล็กน้อยเพื่อช่วยในเรื่องของริ้วรอยอย่างปลอดภัยมาเป็นเวลาหลายสิบปี
โบท็อกมีลักษณะเป็นโปรตีนน้ำใส ๆ ซึ่งจะถูกฉีดเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อ ซึ่งการทำงานของโบท็อกนั้นจะเป็นการเข้าไปปิดกั้นสัญญาณประสาทในกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดเป็นการชั่วคราว ทำให้กล้ามเนื้อเป็นถูกจำกัดการเคลื่อนไหวหรือกล้ามเนื้อทำงานลดลงชั่วคราว
ในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์โบท็อกซ์มากมายหลายยี่ห้อที่ทางการแพทย์เลือกใช้ โดยแต่ละยี่ห้อจะมีคุณสมบัติ เช่น ขนาดโมเลกุล ความบริสุทธิ์ และปริมาณสารสำคัญที่แตกต่างกัน รวมถึงในเรื่องของราคาอีกด้วย

โบท็อกช่วยอะไรเราได้บ้าง?
โบท็อกช่วยลบเลือนริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าให้จางลง ไม่ว่าจะเป็นรอยเหี่ยวย่นบนหน้าผาก หางตา และริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ต่าง ๆ ทำให้ใบหน้าดูสดใส เปล่งปลั่ง ดูอ่อนเยาว์ และช่วยเสริมความมั่นใจให้กลับคืนมา
โดยโบท็อกสามารถใช้ได้กับริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเท่านั้น ซึ่งริ้วรอยเหล่านี้จะถูกเรียกว่า ริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ หรือริ้วรอยที่เกิดจากการขยับหน้า (Dynamic Line) ซึ่งริ้วรอยที่ถูกพบได้บ่อยและสามารถใช้การฉีดโบท็อกเพื่อรักษาได้ คือ ร่องระหว่างคิ้ว ริ้วหน้าผาก และรอยตีนการอบดวงตา โดยริ้วรอยเหล่านี้จะเกิดจากการยิ้ม ขมวดคิ้ว หรี่ตา และการแสดงออกทางสีหน้าอื่น ๆ
แต่โบท็อกนั้น ไม่สามารถใช้ได้กับริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นที่เกิดจากการหย่อนคล้อยตามธรรมชาติ ไม่ว่าเป็น ร่องบริเวณแก้ม ร่องน้ำหมาก คอ และใต้ตาได้
อีกทั้งโบท็อกยังสามารถช่วยปรับรูปหน้า ทำให้กล้ามเนื้อเล็กลง มักใช้ในการฉีดตามแนวขากรรไกร และกราม เพื่อปรับให้รูปหน้าเล็กและเรียวมากยิ่งขึ้น มากไปกว่านั้น โบท็อกยังช่วยฟื้นฟูสภาพผิว ทำให้รูขุมขน และต่อมไขมันเล็กลงได้ ทำให้ผิวเรียบเนียน และช่วยลดเหงื่อได้ด้วยค่ะ
ใครสามารถฉีดโบท็อกได้?
โบท็อกนั้นสามารถฉีดได้กับคนทุกเพศทุกวัย ที่ต้องการลดริ้วรอยบนใบหน้า ต้องการปรับรูปหน้า ฟื้นฟูผิวให้เรียบเนียน ดูสดใส เปล่งปลั่ง และดูอ่อนเยาว์ลง
ยกเว้น ผู้ที่มีประวัติแพ้สารซึ่งเป็นส่วนผสมของโบท็อก เช่น Botulinum toxin type A, Human albumin, และ Sodium Chloride, ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์, ผู้ที่กำลังให้นมบุตร, ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ กล้ามเนื้ออ่อนแรง และมีภาวะติดเชื้อที่ผิวหนัง
ฉีดโบท็อกหนึ่งครั้งอยู่ได้นานแค่ไหน?
โบท็อกเป็นเพียงการรักษาชั่วคราวไม่ใช่การรักษาแบบถาวรและจำเป็นที่จะต้องทำการรักษาซ้ำเพื่อผลลัพธ์ในการลดเลือนริ้วรอยอย่างต่อเนื่อง
โดยหลังจากกล้ามเนื้อเริ่มคลายตัวหลังการฉีดโบท็อกนั้น จะสามารถเห็นผลได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ และส่วนใหญ่ผลลัพธ์ของการฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 3-6 เดือนต่อการฉีด 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัจจัยว่าฉีดรักษาในบริเวณไหน เป็นการฉีดครั้งแรกหรือฉีดซ้ำ ยี่ห้อผลิตภัณฑ์ที่ฉีด และการดูแลรักษาตัวเองหลังการฉีด
โดยผลลัพธ์ของโบท็อกซ์นั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละบริเวณที่ฉีดด้วยเช่นกัน
- โบท็อกซ์ลดริ้วรอย จะสามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 4-6 เดือน
- โบท็อกซ์ลดกราม จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนภายใน 1 เดือน โดยผลลัพธ์จะอยู่ได้นาน 6-9 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู๋กับการดูแลตัวเอง และควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารขบเคี้ยว ของแข็ง หรือหมากฝรั่ง
- โบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า จะสามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มประสิทธิภาพภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยหากฉีดโบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้าแบบ Dermolift จะอยู่ได้ 1-2 เดือน ในขณะที่ฉีดแบบ Nefertiti จะอยู่ได้นาน 3-4 เดือน
- โบท็อกซ์ลดเหงื่อ จะสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ใน 2 สัปดาห์ และอยู่ได้นานถึง 6-12 เดือน โดยมักนิยมฉีดที่รักแร้ ฝ่ามือ และฝ่าเท้า

ฉีดโบท็อกอันตรายไหม?
หลายคนที่สนใจฉีดโบท็อกอาจมีความกังวลเกี่ยวกับผลลัพธ์ที่ไม่ดี ผลข้างเคียง หรืออันตรายจากโบท็อก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว โบท็อกนั้นเป็นหัตถการที่ปลอดภัย หากแพทย์ผู้ฉีดใช้เทคนิคที่ถูกต้อง มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ที่มากเพียงพอ และใช้โบท็อกแท้ที่ได้มาตรฐาน
เพราะโบท็อกสามารถสลายไปเองได้ 100% ไม่มีสารตกค้าง โดยในการฉีดจะใช้โบท็อกในปริมาณที่น้อยที่สุด และเว้นระยะห่างอย่างน้อย 12 สัปดาห์ก่อนการฉีดซ้ำ
โดยผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังจากการฉีดโบท็อก ได้แก่ อาการบวม แดง ช้ำเขียวบริเวณที่ทำการฉีด, ลมพิษ แพ้ ผื่นแดงที่ผิวหนัง, หน้าแข็งตึง, หางคิ้วกระดก, และหนังตาตก ซึ่งจะเป็นอาการที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว สามารถหายไปได้เองเมื่อฤทธิ์ของโบท็อกหมดไป หากมีความกังวลสามารถปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นกรณีไป
ดังนั้นคุณควรเลือกฉีดโบท็อกโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งใช้ปริมาณโบท็อกซ์ที่เหมาะสม เพื่อความปลอดภัย ลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงของตัวคุณเอง และได้ผลลัพธ์ที่พึงพอใจตรงกับที่คุณต้องการ
ข้อห้าม โบท็อกนั้นไม่สามารถฉีดให้กับผู้ที่มีประวัติแพ้สารซึ่งเป็นส่วนผสมของโบท็อก เช่น Botulinum toxin type A, Human albumin, และ Sodium Chloride, ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์, ผู้ที่กำลังให้นมบุตร, ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ กล้ามเนื้ออ่อนแรง และมีภาวะติดเชื้อที่ผิวหนัง
การเตรียมตัวก่อนฉีดโบท็อก
การฉีดโบท็อกไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมากเป็นพิเศษ เพียงแต่คุณจำเป็นต้องเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการฉีดโบท็อก เพื่อทำการตรวจเช็คผิวหนังและปรึกษาเกี่ยวกับบริเวณที่ต้องการฉีดโบท็อก
โดยก่อนทำการฉีดโบท็อกควรเตรียมตัวดังนี้
- ศึกษาข้อมูลเรื่องการฉีดโบท็อกอย่างละเอียด เลือกใช้โบท็อกแท้เท่านั้น
- ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือหากมีโรคประจำตัวจะต้องแจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง
- ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตรอยู่
- งดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน และยาต้านการอักเสบ เช่น Ibruprofen และ Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีดโบท็อกซ์เพื่อป้องการอาการฟกช้ำที่อาจเกิดขึ้น
- งดการใช้วิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยากเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม และใบแปะก๊วย
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 2 วันก่อนการฉีด
- งดรับประทานอาหารที่ต้องนั่งอยู่กับความร้อน เช่น หมูกระทะ ปิ้งย่าง และชาบู เป็นต้น
- งดรับประทานอาหารประเภทหมักดอง เพราะจะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัวได้
ดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกอย่างไรเพื่อให้แผลหายเร็ว?
หลังจากการฉีดโบท็อก คุณควรปฏิบัติตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ และไม่เกิดผลข้างเคียงอื่นตามมา โดยปฏิบัติดังนี้
- ไม่นอนราบในช่วง 3-4 ชั่วโมงหลังการฉีด เพราะอาจทำให้โบท็อกไหลไปในบริเวณอื่น โดยให้นอนหงายหนุนหมอนสูงแทน
- งดนวดหน้า ขัดหน้า ทำทรีทเม้นท์ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ และวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยาก
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงถึง 1 สัปดาห์
- ควรไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลลัพธ์ และประเมินผลการรักษา
ทำไมถึงควรฉีดโบท็อกที่ Summer Clinic?
ที่ Summer Clinic นั้นได้มีการใช้โบท็อกของแทไม่ว่าจะเป็น Allegan, Nabota, Xeomin ซึ่งทางเราได้นำเข้ามาให้บริการกับคนไข้ของเราทุกคน
การฉีดโบท็อกนั้นควรฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และต้องรู้จักโครงสร้างกายวิภาคของใบหน้าได้เป็นอย่างดี เพื่อที่จะฉีดให้ตรงจุด
หากไม่ได้ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อาจทำให้เกิดการฉีดผิดพลาดได้ เนื่องจากสารโบทูลินัมท็อกซินเอมีความเสี่ยงต่อระบบประสาทไม่มากก็น้อย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและชีวิตของคุณได้
ดังนั้นการฉีดโบท็อกจึงต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมถึงสถานที่การฉีดโบท็อกจะต้องมีความสะอาด ปลอดภัย ได้รับมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข และต้องมั่นใจได้ว่าคลีนิคใช้โบท็อกแท้ผ่าน อย. ที่สามารถตรวจสอบได้ ไม่หลอกลวงผู้บริโภค โดยคุณสามารถเข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกได้ที่ Summer Clinic
Line : @summerclinic
Instagram : https://www.instagram.com/summer.clinic
Tel : +66 (0) 83 525 5065
Facebook : https://www.facebook.com/Summerclinicphuket
1. Allegan

โบท็อก Allegan เป็นโบท็อกสัญชาติอเมริกาเป็นบริษัทยาที่ผลิตยาที่มีชื่อเสียงหลายตัวเช่น ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Juvederm
นอกจากนี้ยังเป็นโบท็อกที่ได้รับการรองรับระดับโลก ซึ่งทำให้มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยหลังการฉีด
ข้อดี
- มีโอกาสดื้อน้อยเพราะเป็นโบท็อกบริสุทธิ์มากกว่า 90%
- เห็นผลเร็ว
- มีอายุยาวนาน และมีความปลอดภัยสูง
2. Nobota

โบท็อกยี่ห้อ Nabota เป็นโบท็อกสัญชาติเกาหลี มีส่วนผสมของ Botulinum toxin A มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลี ผู้ผลิตคือบริษัท DAEWOONG และยังเป็นโบท็อกที่ได้รับการยอมรับจาก US FDA และ อย. จากประเทศไทยอีกด้วย นอกจากนี้ทางบริษัทยังระบุว่ามีโบท็อก Nabota มีความบริสุทธิ์ถึง 98.7%
3. Xeomin

โบท็อกเยอรมัน Xeomin เป็นโบท็อกโมเลกุลเล็กเมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่น ๆ เพื่อกำจัดโปรตีนที่ไม่จำเป็น (Accessory protein) ออกจากโมเลกุลของท็อกซิน ทำให้โบท็อกมีความบริสุทธิ์สูง จุดเด่นของโบท็อกยี่ห้อนี้คือ โอกาสที่ร่างกายจะเกิดสารต้านโบท็อก (Antibody) ต่ำ