บริการ
ฉีดโบท็อกรักแร้ โบท็อกใต้วงแขน


รักแร้เปียก มีกลิ่น เกิดจากอะไร?
เมื่อร่างกายของคุณใช้พลังงานต่อวันจนมากเกินไป ร่างกายก็จะระบายพลังงานเหล่านั้นออกมาเป็นความร้อนในรูปแบบของ “เหงื่อ” โดยบางคนอาจมีเหงื่อออกมากหรือน้อยแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับกระบวนการทำงานของร่างกายของแต่ละคน
แต่นอกจากนี้อาการของรักแร้เปียกและมีกลิ่นยังเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น พันธุกรรม ฮอร์โมนไม่ปกติ โรคประจำตัว ภาวะเครียด การทานอาหาร หรือการใส่เสื้อผ้าหนา เป็นต้น

ผู้ที่กำลังประสบปัญหาอาการของรักแร้เปียก มีกลิ่น อาจเสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก โดยวิธีแก้เบื้องต้นที่ใคร ๆ หลายท่านรู้จักกันก็คือ การทาโรลออนหรือโรยแป้งเพื่อกำจัดกลิ่นเหงื่อ แต่สำหรับบางท่านการทาโรลออนหรือโรยแป้งนั้น อาจจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ได้ผลเสมอไป ทาแล้วก็ยังมีกลิ่นรักแร้อยู่ แล้วจะทำยังไงดีล่ะ ?
วันนี้ Summer Clinic จึงอยากขอพาทุกท่านมาทำความรู้จัก “การฉีดโบท็อกใต้วงแขน” เพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อและกลิ่นกายบริเวณใต้วงแขนกันค่ะ
ฉีดโบท็อกรักแร้ โบท็อกใต้วงแขน คืออะไร?
การฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด A (Botulinum toxin type A) หรือที่เรียกทั่วไปว่า “สารโบท็อก” (Botox) เข้าบริเวณรักแร้ เพื่อยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อและกลิ่นกายบริเวณใต้วงแขนให้ทำงานได้น้อยลง โดยหลังจากการฉีด สารโบท็อกจะสามารถช่วยลดเหงื่อออกที่ใต้รักแร้ได้กว่า 80% ค่ะ



โบท็อกรักแร้ โบท็อกใต้วงแขน ช่วยลดเหงื่อได้อย่างไร?
สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด A จะสามารถเข้าไปช่วยระงับการทำงานของสารสื่อประสาทอะซีทิลคอลีน (Acetylcholine) ที่คอยทำหน้าที่ควบคุมการผลิตเหงื่อของร่างกาย ดังนั้นเมื่อคุณหมอได้ฉีดโบท็อกเข้าไปเพื่อยับยั้งเส้นประสาทที่เลี้ยงต่อมเหงื่อแล้ว จะส่งผลให้ต่อมเหงื่อผลิตเหงื่อได้น้อยลงหรือแทบไม่มีเลยค่ะ
โบท็อกรักแร้ โบท็อกใต้วงแขน เหมาะกับใคร?
- ผู้ที่มีปัญหาเหงื่อออกเยอะมากจนเกินไปบริเวณรักแร้
- ผู้ที่มีปัญหากลิ่นตัวไม่พึงประสงค์ ไม่มั่นใจในตัวเอง
- ผู้ที่มีปัญหาเสื้อผ้าบริเวณรอยแขนมักมีรอยเข้มหรือเป็นวงจากความชื้นของเหงื่อ
- ผู้ที่แพ้ผลิตภัณฑ์กำจัดกลิ่นตัว เช่น โรลออน สเปรย์ สติ๊ก และครีม
- ผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัดต่อมเหงื่อที่รักแร้
โบท็อกรักแร้ โบท็อกใต้วงแขน อยู่ได้นานแค่ไหน?
การฉีดโบท็อกจะเริ่มเห็นผลในช่วง 3-7 วัน เหงื่อที่ออกตามบริเวณรักแร้จะค่อย ๆ ลดลง ไม่มีกลิ่นเหงื่อและความอับชื้น ซึ่งจะเห็นผลได้ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์
โดยระยะเวลาหลังจากการฉีดจะสามารถอยู่ได้นานถึง 3-4 เดือน และสารโบทูลินัมท็อกซินจะย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ หากคนไข้ต้องการรักษาผลลัพธ์ไว้ สามารถฉีดต่อเนื่องได้ค่ะ

ข้อดี-ข้อควรระวัง ของการฉีดโบท็อกรักแร้ โบท็อกใต้วงแขน
ข้อดี
- ช่วยลดปัญหารักแร้เปียก ลดปัญหากลิ่นตัว รู้สึกสบายตัวมากขึ้น
- ไม่มีต้องกังวลว่าเสื้อผ้าใต้วงแขนจะมีรอยเข้มจากความชื้นของเหงื่อ
- ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน
- ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด ไม่มีรอยแผลเป็น
- หลังฉีดสามารถกลับไปทำงานหรือใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ข้อควรระวัง
- หากฉีดด้วยโบท็อกที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่ผ่าน อย. อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อร่างกายได้
- หากฉีดกับแพทย์ที่ขาดประสบการณ์หรือมีเทคนิคในการฉีดที่ไม่เพียงพอ อาจทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่ดีเท่าที่ควร
โบท็อกใต้วงแขนที่ Summer Clinic
‘ ฉีดโบ รักแร้ ลดเหงื่อ ‘ !!
เป็นการฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด A (Botulinum toxin type A) ข้างละ 50 ยูนิต เพื่อยับยั้บการทำงานของต่อมเหงื่อ สามารถช่วยลดเหงื่อออกที่ใต้รักแร้ได้มากกว่า 80% และสามารถเห็นผลได้หลังการฉีดเพียง 2-4 วัน
Hyperhidrosis Treatment with BOTOX
✔️ ยับยั้งการทำงานของต่อมเหงื่อ หมดปัญหารักแร้เปียกชุ่ม
✔️ ลดกลิ่นกายใต้วงแขน
Summer Clinic ช่วยแก้ไขปัญหารักแร้เปียก มีกลิ่นเต่า ไม่กล้ายกแขน ได้ค่ะ
เหมาะสำหรับ..
* คนที่มีเหงื่อออกเยอะมากเกินไป มีกลิ่นตัว
* คนที่ไม่อยากให้รักแร้เปียกชุ่มจนเห็นเป็นวง
* คนที่แพ้ผลิตภัณฑ์ลดเหงื่อ ลดกลิ่นตัว เช่น โรลออน สเปรย์ สติ๊ก และครีม

ก่อนฉีดโบท็อกรักแร้ควรเตรียมตัวอย่างไร?
การฉีด โบท็อกรักแร้ ไม่จำเป็นต้องเตรียมตัวอะไรมากเป็นพิเศษ เพียงแต่คุณจำเป็นต้องเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนการฉีดโบท็อก เพื่อทำการตรวจเช็คผิวหนังและปรึกษาเกี่ยวกับบริเวณที่ต้องการฉีดโบท็อก
โดยก่อนทำการฉีดโบท็อกควรเตรียมตัวดังนี้
- ศึกษาข้อมูลเรื่องการฉีดโบท็อกอย่างละเอียด เลือกใช้โบท็อกแท้เท่านั้น
- ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรงหรือหากมีโรคประจำตัวจะต้องแจ้งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง
- ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
- งดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพรินและยาต้านการอักเสบ เช่น Ibruprofen และ Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีดโบท็อกเพื่อป้องการอาการฟกช้ำที่อาจเกิดขึ้น
- งดการใช้วิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยากเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม และใบแปะก๊วย
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่อย่างน้อย 2 วันก่อนการฉีด
- งดรับประทานอาหารประเภทหมักดอง เพราะมีสารที่ทำให้เส้นเลือดขยายตัวได้
วิธีดูแลหลังฉีดโบท็อกรักแร้
หลังจากการฉีดโบท็อก คุณควรปฏิบัติตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามต้องการ และไม่เกิดผลข้างเคียงอื่นตามมา โดยปฏิบัติดังนี้
- ไม่กด ถู หรือนวดบริเวณที่ฉีดโบท็อกหลังจากรับการรักษา เพราะอาจทำให้เกิดการแพร่กระจายไปยังผิวหนังโดยรอบ ทำให้กล้ามเนื้อหย่อนยานและปัญหาอื่นๆตามมา
- ห้ามประคบร้อน หรือใช้ความร้อนบริเวณที่ฉีดโบท็อกเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น การทำเลเซอร์ การอบไอน้ำ ซาวน่า แช่ออนเซ็น อย่างน้อย 2-4 สัปดาห์
- งดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน ยาต้านการอักเสบ และวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดยาก
- งดออกกำลังกายหนัก
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 48 ชั่วโมงถึง 1 สัปดาห์
- หากมีอาการบวมแดงหลังการฉีด สามารถใช้การประคบเย็นด้วยน้ำแข็งได้
- สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ สวมใส่เสื้อได้อย่างอิสระ
- ควรไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลลัพธ์ และประเมินผลการรักษา


การฉีดโบท็อกนั้นควรฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และต้องรู้จักโครงสร้างของร่างกายได้เป็นอย่างดี เพื่อที่จะฉีดได้อย่างตรงจุด หากไม่ได้ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดในการฉีดได้ เนื่องจากสารโบทูลินัมท็อกซินเอมีความเสี่ยงต่อระบบประสาทไม่มากก็น้อย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและชีวิตได้ค่ะ
ดังนั้นการฉีดโบท็อกจึงต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นพิเศษ รวมถึงสถานที่การฉีดโบท็อกจะต้องมีความสะอาด ปลอดภัย ได้รับมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข และต้องมั่นใจได้ว่าคลีนิคใช้โบท็อกแท้ผ่าน อย. ที่สามารถตรวจสอบได้ ไม่หลอกลวงผู้บริโภค โดยคุณสามารถเข้ามาปรึกษาเกี่ยวกับการฉีดโบท็อกได้ที่ Summer Clinic หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Line : @summerclinic
Instagram : https://www.instagram.com/summer.clinic
Tel : +66 (0) 83 525 5065
Facebook : https://www.facebook.com/Summerclinicphuket